ให้บริการโดยคณาจารย์ เภสัชกรผู้เชี่ยวชาญด้านยาและสุขภาพ


คำชี้แจง "เว็บไซต์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการ ศึกษา การแลกเปลี่ยนความรู้ และให้ข้อมูลเรื่องยาในกรณีทั่วไป ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์หรือเพื่อการรักษาในกรณีที่จำเพาะเจาะจง และความเห็นสำหรับกรณีเฉพาะหนึ่ง จะไม่สามารถประยุกต์ใช้กับผู้อื่นได้โดยตรง หากมีปัญหาเรื่องโรคโปรดปรึกษาแพทย์ หากมีปัญหาเรื่องยา โปรดปรึกษาเภสัชกร หรือปรึกษาผู้เกี่ยวข้องโดยตรงกับกรณีนั้นด้วยตนเองเท่านั้น"

Search :
การฆ่าเชื้ออุปกรณ์ที่ใช้ในร้านเสริมสวย เช่น กรรไกร อุปกรณ์ทำเล็บ กรณีที่ไม่มีแอล

การฆ่าเชื้ออุปกรณ์ที่ใช้ในร้านเสริมสวย เช่น กรรไกร อุปกรณ์ทำเล็บ กรณีที่ไม่มีแอลกอฮอล์(ช่วงcovid 19)

[รหัสคำถาม : 83] วันที่รับคำถาม : 22 มี.ค. 63 - 05:38:25 ถามโดย : บุคคลทั่วไป

เข้าระบบเพื่อตอบคำถาม

No : 1

น้ำยาฆ่าเชื้อจุลินทรีย์สามารถแบ่งตามวัตถุประสงค์ของการใช้ออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่
1) น้ำยาฆ่าเชื้อ (antiseptic) ใช้กำจัดเชื้อจุลินทรีย์บนผิวหรือเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิต 2) น้ำยาฆ่าเชื้อบนพื้นผิว (disinfectant) ใช้กำจัดเชื้อจุลินทรีย์บนพื้นผิว หรือสิ่งของต่าง ๆ ที่ไม่มีชีวิต และ 3) ยาฆ่าเชื้อ (antibiotic) ใช้กำจัดเชื้อจุลินทรีย์ภายในร่างกาย[1] การฆ่าเชื้อบนอุปกรณ์ที่ใช้ในร้านเสริมสวย เช่น กรรไกร อุปกรณ์ทำเล็บ จึงเหมาะที่จะใช้น้ำยาฆ่าเชื้อชนิดน้ำยาฆ่าเชื้อบนพื้นผิว (disinfectant) มากที่สุด อีกทั้ง disinfectant สามารถหาได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป ได้แก่ แอลกอฮอล์ 70%, ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 3-5%, โซเดียมไฮโปคลอไรท์ 3-6%, โพวิโดนไอโอดีน 0.45-10%, คลอโรไซลีนอล 4.8%, คลอโรคลีซอล 4% + น้ำมันสน 6.5% เป็นต้น
แอลกอฮอล์ เช่น เอธานอล (ethanol) และ ไอโซโพรพานอล (isopropanol) ใช้เป็น disinfectant อย่างแพร่หลาย แต่ เมธานอล (methanol) ไม่ใช้เป็น disinfectant เพราะเป็นพิษต่อมนุษย์ หากได้รับในปริมาณเกิน 10 มิลลิลิตร จะมีผลทำลายประสาทตาจนตาบอดถาวรได้ และถ้าได้รับเกิน 30 มิลลิลิตร อาจถึงตายได้ [1] โดยปกติ ความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ที่นิยมใช้กัน จะอยู่ในช่วง 60-90% เมื่อเข้มข้นของแอลกอฮอล์น้อยลงการออกฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ก็จะลดลง ถ้าความเข้มข้นมากกว่านี้จะไม่สามารถแพร่ผ่านเข้าเซลล์ของจุลินทรีย์ได้ [1] โดยความเข้มข้นที่องค์การอนามัยโลกแนะนำว่ามีฤทธิ์ฆ่าเชื้อไวรัสได้ภายในระยะเวลา 1 นาที อยู่ในช่วง 62-70% [3] ซึ่งใกล้เคียงกับผลการศึกษาประสิทธิภาพของเอธานอล ความเข้มข้น 62-95% พบว่าสามารถลดปริมาณเชื้อไวรัสได้ >99.9% ในระยะเวลา 1 นาที [6]

น้ำยาฆ่าเชื้อชนิดอื่น ๆ ที่สามารถใช้ทดแทนแอลกอฮอล์ในการฆ่าเชื้อได้ เช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ในความเข้มข้นที่องค์การอนามัยโลกแนะนำว่าสามารถทําลายเชื้อไวรัสได้ภายในระยะเวลา 1 นาที คือ 0.5% (5000 ppm) [3] ซึ่งสอดคล้องกับหลาย ๆ การศึกษาที่พบว่า ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ความเข้มข้น 0.5% สามารถลดปริมาณเชื้อไวรัสได้ ≥99.99% ในระยะเวลา 1 นาที [6] แต่หากใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ที่ความเข้มข้นสูงขึ้น เช่น 1.5% and 3.0% จะมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อไวรัสได้ลดลง โดยการศึกษาพบว่า สามารถลดปริมาณเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 เมื่อเวลาผ่านไป 15 วินาที 30 วินาที ได้ <99% [5] โดยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ที่พบในผลิตภัณฑ์ตามท้องตลาด ได้แก่ Haiter คัลเลอร์, Vanish ชนิดน้ำ เป็นต้น [3] อย่างไรก็ตาม ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์มีข้อจำกัดในการใช้งาน คือ จะสลายตัวได้ง่ายเมื่อโดนแสง ความร้อน [1] และไม่เหมาะกับโลหะและผลิตภัณฑ์ที่มีการเคลือบสี [3]
โซเดียมไฮโปคลอไรท์ เป็นสารที่ใช้ทั่วไปในการซักผ้าขาว ความเข้มข้นที่แนะนำสำหรับพื้นผิวทั่วไปควรใช้ความเข้มข้น 500-1000 ppm (0.05-0.1%) สําหรับพื้นผิวที่มีการปนเปื้อนน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ หรืออาเจียน ควรใช้ความเข้มข้น 5000 ppm (0.5%) [3] ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาที่พบว่า โซเดียมไฮโปคลอไรท์ ความเข้มข้น 0.1- 0.5% สามารถลดปริมาณเชื้อไวรัสได้ >99.9% ในระยะเวลา 1 นาที แต่ที่ความเข้มข้น 0.01% สามารถลดปริมาณเชื้อไวรัสได้ <99.9% [6] จึงสรุปได้ว่าความเข้มข้นน้อยที่สุดของโซเดียมไฮโปคลอไรท์ที่ยังมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อไวรัสโคโรนา คือ 0.1% (1000 ppm) โดยโซเดียมไฮโปคลอไรท์ที่มีในผลิตภัณฑ์ตามท้องตลาด ได้แก่ Haiter ซักผ้าขาว, Hygiene ซักผ้าขาว, Marvin, Clorox, Promax เป็นต้น [3] ข้อจำกัดในการใช้ คือ ความไม่คงตัวของน้ำยาฆ่าเชื้อที่เจือจางแล้ว ต้องเจือจางใหม่ทุกวัน มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงมากและสามารถทำลายพื้นผิว stainless ได้ด้วย นอกจากนั้น ยังก่อให้เกิดการระคายเคืองเนื้อเยื่อและผิวหนัง หากสัมผัสถูกผิวหนังจะทำให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อนบริเวณที่สัมผัสได้ [1]
โพวิโดนไอโอดีน เป็นน้ำยาฆ่าเชื้ออีกชนิดหนึ่งที่สามารถใช้ได แต่มีข้อจำกัดในการใช้ คือ สามารถทำปฏิกิริยากับโลหะได้หลายชนิด จึงไม่เหมาะที่จะใช้เป็น disinfectant สำหรับโลหะ [1] และมีสีที่อาจเปื้อนวัสดุได้ง่าย การศึกษาประสิทธิภาพของโพวิโดนไอโอดีนในการฆ่าเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 พบว่า ผลิตภัณฑ์ BETADINE โพวิโดนไอโอดีน 10% w/v, โพวิโดนไอโอดีน 7.5% w/v , BETADINE โพวิโดนไอโอดีน 1.0% w/v , โพวิโดนไอโอดีน 0.45% w/v และ โพวิโดนไอโอดีน 1.0% (ผสมเจือจาง 1:2) สามารถลดปริมาณเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ลงได้ ≥99.99% ในระยะเวลา 30 วินาที [4] ซึ่งสอดคล้องกับอีกสองการศึกษา ที่พบว่า โพวิโดนไอโอดีนที่ความเข้มข้น 0.5%, 1.25% และ 1.5% สามารถลดปริมาณเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ได้ ≥99.99% และ ≥99.9% ที่เวลา 15 วินาที และ 30 วินาที ตามลำดับ [5] และการศึกษาที่ใช้ โพวิโดนไอโอดีนที่ความเข้มข้น 0.23-7.5% พบว่า สามารถลดปริมาณเชื้อไวรัสได้ ≥99.99% [6]
คลอโรไซลีนอล 4.8% (ส่วนประกอบในน้ำยาฆ่าเชื้อ Dettol แบบมีมงกุฎ) เป็น disinfectant และ antiseptic ไม่มีพิษต่อมนุษย์และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แต่มีพิษกับปลาและสัตว์น้ำประเภทไม่มีกระดูกสันหลัง ในบางรายอาจก่อให้เกิดการแพ้ต่อผิวหนังได้บ้าง [1] การศึกษาประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อไวรัส SARS-CoV ของน้ำยาฆ่าเชื้อคลอโรไซลีนอล 0.12% โดยวัดผลที่เวลา 30 วินาที พบว่าสามารถลดปริมาณเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ได้ ≥99.99% [7] ดังนั้น ควรผสมน้ำยาฆ่าเชื้อคลอโรไซลีนอล 4.8% 1 ส่วน กับน้ำ 39 ส่วน (1:39) จะได้ความเข้มข้น 0.12% และมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อไวรัส
คลอโรคลีซอล 4% และ น้ำมันสน 6.5% (ส่วนประกอบในน้ำยาฆ่าเชื้อ Dettol แบบไม่มีมงกุฎ) เป็น disinfectant ที่แนะนำให้ใช้กับพื้นผิวเท่านั้น [1] ] โดยมีการศึกษาที่พบว่า น้ำมันสน ความเข้มข้น 0.23% สามารถลดปริมาณเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ได้ ≥99.99% [7] โดยความเข้มข้นของคลอโรคลีซอลที่ใช้ คือ 0.25% ดังนั้น ควรผสมน้ำยาฆ่าเชื้อคลอโรคลีซอล 4% 1 ส่วน กับน้ำ 15 ส่วน (1:15) จะได้ความเข้มข้นของคลอโรคลีซอล 0.25% และ น้ำมันสน 0.4%
กล่าวโดยสรุป น้ำยาฆ่าเชื้อที่เหมาะสมกับอุปกรณ์ในร้านเสริมสวย ที่ไม่มีฤทธิ์กัดกร่อนโลหะ ในกรณีที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ได้แก่ คลอโรไซลีนอล ความเข้มข้น 4.8% (ส่วนประกอบในน้ำยาฆ่าเชื้อ Dettol แบบมีมงกุฎ) และ คลอโรคลีซอล ความเข้มข้น 4% + น้ำมันสน 6.5% (ส่วนประกอบในน้ำยาฆ่าเชื้อ Dettol แบบไม่มีมงกุฎ)
นอกจากน้ำยาฆ่าเชื้อแล้ว การใช้ความร้อนด้วยอุณหภูมิที่เหมาะสมก็สามารถฆ่าเชื้อได้เช่นกัน [2] มีการศึกษาการฆ่าเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ด้วยความร้อน พบว่าการใช้ความร้อนที่ 56◦C เป็นเวลา 30 นาที และ 60 ◦C เป็นเวลา 15 นาที สามารถลดปริมาณเชื้อได้อย่างมีนัยสำคัญทางคลินิก [8]



เอกสารอ้างอิง
[1] สำนักควบคุมเครื่องสำอางและวัตถุอันตราย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข. สารต้านเชื้อจุลินทรีย์ที่ใช้ในบ้านเรือนหรือทางสาธารณสุข; 2558.
[2] William A. Rutala, David J. Weber. Guideline for Disinfection and Sterilization in Healthcare Facilities, 2008, Update: May 2019 [internet]. 2019 [cited 2020 Dec 23]: 39-73. Available from: https://www.cdc.gov/infectioncontrol/guidelines/disinfection/
[3] กรมอนามัย. คู่มือมาตรการและแนวทางในการดูแล ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม ในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19). 2563.
[4] Anderson DE. Sivalingam V, Kang A. E. Z., Ananthanarayanan A, Arumugam H, Jenkins TM, Hadjiat Y, Eggers M. Povidone-Iodine Demonstrates Rapid In Vitro Virucidal Activity Against SARS-CoV-2, The Virus Causing COVID-19 Disease. Infectious Disease and Therapy. 2020 September.
[5] Bidra AS, Pelletier JS, Westover JB, Frank S, Brown SM, Tessema B. Comparison of In Vitro Inactivation of SARS CoV-2 with Hydrogen Peroxide and Povidone-Iodine Oral Antiseptic Rinses. J Prosthodont. 2020 Aug; 29(7): 599-603.
[6] Kampf G, Todt D, Pfaender S, Steinmann E. Persistence of coronaviruses on inanimate surfaces and their inactivation with biocidal agents. J Hosp Infect. 2020 Mar; 104(3): 246-251.
[7] Dellanno C, Vega Q, Boesenberg D. The antiviral action of common household disinfectants and antiseptics against murine hepatitis virus, a potential surrogate for SARS coronavirus. Am J Infect Control. 2009 Oct; 37(8): 649-52.
[8] Derraik JGB, Anderson WA, Connelly EA, Anderson YC. Rapid Review of SARS-CoV-1 and SARS-CoV-2 Viability, Susceptibility to Treatment, and the Disinfection and Reuse of PPE, Particularly Filtering Facepiece Respirators. Int J Environ Res Public Health. 2020 Aug 22; 17(17): 6117.

วันที่ตอบ : 22 มี.ค. 64 - 13:32:53




พัฒนาระบบโดย ภานุชญา มณีวรรณ ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 90110