ให้บริการโดยคณาจารย์ เภสัชกรผู้เชี่ยวชาญด้านยาและสุขภาพ
คำชี้แจง "เว็บไซต์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการ ศึกษา การแลกเปลี่ยนความรู้ และให้ข้อมูลเรื่องยาในกรณีทั่วไป ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์หรือเพื่อการรักษาในกรณีที่จำเพาะเจาะจง และความเห็นสำหรับกรณีเฉพาะหนึ่ง จะไม่สามารถประยุกต์ใช้กับผู้อื่นได้โดยตรง หากมีปัญหาเรื่องโรคโปรดปรึกษาแพทย์ หากมีปัญหาเรื่องยา โปรดปรึกษาเภสัชกร หรือปรึกษาผู้เกี่ยวข้องโดยตรงกับกรณีนั้นด้วยตนเองเท่านั้น"
Search : 
การรับประทานกระท่อม
คนท้องสามารถรับประทานน้ำกระท่อมได้หรือไม่ และมีผลต่อทารกในครรภ์อย่างไร และสารสำคัญในพืชกระท่อม มีฤทธิ์อย่างไร
No : 1กระท่อม (Mitragyna speciosa) มีสารออกฤทธิ์สำคัญ คือ mitragynine และ 7-hydroxymitragynine ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้น μ-opioid receptor คล้ายมอร์ฟีน ส่งผลให้เกิดฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาหลายด้าน เช่น แก้ปวด ต้านซึมเศร้า ต้านการอักเสบ ต้านเชื้อแบคทีเรีย และช่วยลดความอยากอาหาร [1] อย่างไรก็ตาม การใช้ในหญิงตั้งครรภ์ยังเป็นข้อห้ามตามเกณฑ์ความปลอดภัยของ American Herbal Products Association (AHPA) ซึ่งจัดกระท่อมอยู่ในกลุ่มสมุนไพรที่ไม่ควรใช้ระหว่างตั้งครรภ์หรือระหว่างให้นมลูก เนื่องจากอาจเกิดผลต่อเด็ก และเสี่ยงต่อการเกิดอันตรกิริยากับยาอื่น ๆ [2]
...
การศึกษาด้านพิษวิทยาในตัวอ่อนปลาม้าลาย (zebrafish) พบว่า น้ำกระท่อม รวมถึงสารสำคัญในกระท่อม อาจทำให้เกิดความผิดปกติในการพัฒนาระยะตัวอ่อน เช่น รูปร่างพิการ อัตราการรอดชีวิตลดลง หรือมีการฟักตัวล่าช้า ซึ่งอาจสะท้อนถึงศักยภาพในการก่อความผิดปกติแต่กำเนิดในมนุษย์ได้ [3]
...
แม้ในปัจจุบันจะยังไม่มีการศึกษา randomized controlled trial (RCT) ที่มีคุณภาพเกี่ยวกับความปลอดภัยของการใช้กระท่อมในหญิงตั้งครรภ์โดยตรง แต่มีรายงานกรณีศึกษาที่พบว่า ทารกแรกเกิดจากแม่ที่ใช้กระท่อมระหว่างตั้งครรภ์มีอาการถอนยา (neonatal abstinence syndrome (NAS)) โดยทารกจะมีอาการตัวสั่น ร้องกวน ดูดนมน้อย กล้ามเนื้อเกร็ง และต้องได้รับการรักษาด้วยมอร์ฟีนหรือ clonidine ในหอผู้ป่วยทารกแรกเกิด แม้ว่าจะตรวจไม่พบสารสำคัญของกระท่อมจากปัสสาวะของแม่ [4,5]
...
ดังนั้นจากหลักฐานทางเภสัชวิทยา รายงานทางพิษวิทยาในสัตว์ทดลอง และรายงานกรณีศึกษาในมนุษย์ จึงสรุปได้ว่าหญิงตั้งครรภ์ไม่ควรกินน้ำกระท่อม เนื่องจากอาจเป็นอันตรายต่อทารกตลอดการตั้งครรภ์ และหลังคลอด และอาจส่งผลต่อพัฒนาการในระยะยาวของเด็ก
เอกสารอ้างอิง :
[1] จุไรทิพย์ หวังสินทวีกุล. พืชกระท่อม (Mitragyna speciosa): เภสัชวิทยา พิษวิทยา และการวิเคราะห์. สงขลา: คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์; 2017.
[2] American Herbal Products Association (AHPA). AHPA publishes new entry for kratom in the online Botanical Safety Handbook [Internet]. Silver Spring (MD): AHPA Publications & Resources; 2024.
[3] Damodaran T, Chear N, Murugaiyah V, Mordi M, Ramanathan S. Comparative toxicity assessment of Kratom decoction, mitragynine and speciociliatine versus morphine on zebrafish (Danio rerio) embryos. Front Pharmacol. 2021;12:714918.
[4] Davidson L, Rawat M, Stojanovski S, Chandrasekharan P. Natural drugs, not so natural effects: Neonatal abstinence syndrome secondary to Kratom. J Neonatal Perinatal Med. 2019;12(1):109-12.
[5] Eldridge WB, Foster C, Wyble L. Neonatal abstinence syndrome due to maternal Kratom use. Pediatrics. 2018;142(6):e20181839.
วันที่ตอบ : 14 ต.ค. 68 - 11:34:45
<กลุ่มคำถาม>
Product Information [ 19 ]
Compatibility/Stability [ 6 ]
Compounding/Formulation [ 2 ]
Therapy Evaluation/Drug of Choice [ 81 ]
Adverse Effects/Toxicities [ 46 ]
Drug Interactions [ 13 ]
Pregnancy&Lactation /Teratogenicity/Infant risk [ 13 ]
Herbal&Traditional Medicine [ 10 ]
Laws/Policy&Procedure [ 2 ]
[Medication Administration Safety] [ 8 ]
[Neurosurgery] [ - ]
[Infectious disease] [ 2 ]
Compatibility/Stability [ 6 ]
Compounding/Formulation [ 2 ]
Therapy Evaluation/Drug of Choice [ 81 ]
Adverse Effects/Toxicities [ 46 ]
Drug Interactions [ 13 ]
Pregnancy&Lactation /Teratogenicity/Infant risk [ 13 ]
Herbal&Traditional Medicine [ 10 ]
Laws/Policy&Procedure [ 2 ]
[Medication Administration Safety] [ 8 ]
[Neurosurgery] [ - ]
[Infectious disease] [ 2 ]
พัฒนาระบบโดย ภานุชญา มณีวรรณ ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 90110
