ให้บริการโดยคณาจารย์ เภสัชกรผู้เชี่ยวชาญด้านยาและสุขภาพ


คำชี้แจง "เว็บไซต์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการ ศึกษา การแลกเปลี่ยนความรู้ และให้ข้อมูลเรื่องยาในกรณีทั่วไป ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์หรือเพื่อการรักษาในกรณีที่จำเพาะเจาะจง และความเห็นสำหรับกรณีเฉพาะหนึ่ง จะไม่สามารถประยุกต์ใช้กับผู้อื่นได้โดยตรง หากมีปัญหาเรื่องโรคโปรดปรึกษาแพทย์ หากมีปัญหาเรื่องยา โปรดปรึกษาเภสัชกร หรือปรึกษาผู้เกี่ยวข้องโดยตรงกับกรณีนั้นด้วยตนเองเท่านั้น"

Search :
การใช้ยา Kal-Cee และวิตามินดี

ภรรยาผมอายุ 70 ปี เป็นอำมะพฤกษ์ มีอาการกระดูกพรุนปานกลาง ได้รับยา Aclasta injection 5 mg ปีละหนึ่งครั้ง ครั้งล่าสุดคุณหมอจ่ายยามาสองตัวคือ ๑) Kal-Cee Orange ให้ทานติดต่อกัน 6 เดือน ๒) วิตามินดี Calciferol capsules 20,000 Units ทานสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เนื่องจากพบว่าผลเลือดมีวิตามินดีต่ำ

ผมพบว่าที่ข้างกล่อง Kal-Cee มีคำเตือนว่าไม่ควรทานติดต่อกันนานๆ และมีส่วนประกอบวิตามินดีด้วย เลยอยากเรียนถามว่า การทานยาตามนี้จะเกิดผลเสียอะไรหรือเปล่าครับ


[รหัสคำถาม : 390] วันที่รับคำถาม : 10 มิ.ย. 65 - 22:11:58 ถามโดย : บุคคลทั่วไป

เข้าระบบเพื่อตอบคำถาม

No : 1

โรคกระดูกพรุน (osteoporosis) คือ ภาวะที่มีการสูญเสียมวลกระดูก ทำให้ความแข็งแกร่งของกระดูกลดลง เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดกระดูกหัก แคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่สำคัญในการสร้างกระดูก โดยปกติสมดุลแคลเซียมจะถูกควบคุมโดยวิตามินดีและฮอร์โมนพาราไทรอยด์ โดยวิตามินดีที่ได้รับจากอาหารหรือแสงยูวี จะถูกเปลี่ยนโดยตับและไตให้อยู่ในรูปออกฤทธิ์เพื่อช่วยในการดูดซึมแคลเซียมจากลำไส้เข้าสู่เลือดมากขึ้น แต่หากมีแคลเซียมในเลือดต่ำลง ร่างกายจะกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนพาราไทรอยด์เพื่อเพิ่มการดึงแคลเซียมจากกระดูกเข้าสู่เลือดให้เกิดความสมดุล โดยผู้ป่วยที่มีวิตามินดีต่ำจะทำให้แคลเซียมถูกดูดซึมลดลงจาก 30-35% เหลือ 10-15% ดังนั้นผู้ที่ได้รับแคลเซียมและวิตามินดีจากอาหารไม่เพียงพอทำให้มีการดูดซึมแคลเซียมได้น้อย มีการสลายมวลกระดูกเพื่อดึงแคลเซียมไปใช้มากขึ้น ทำให้กระดูกเปราะบางและมีความแข็งแรงน้อยลง โรคกระดูกพรุนมักพบในหญิงวัยหมดประจำเดือนและผู้สูงอายุ เนื่องจากอายุที่มากขึ้นและการขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนจะเพิ่มการทำงานของเซลล์สลายกระดูก เพิ่มการขับออกและลดการดูดซึมแคลเซียม ทำให้กระดูกบางลง
ยาสำหรับการรักษาโรคกระดูกพรุนที่แนะนำเป็นอันดับแรก ได้แก่ Alendronate, Risedronate, Zoledronic acid, Denosumab ยาทางเลือก ได้แก่ Ibandronate, Teriparatide, Raloxifene และ Calcitonin [1] โดย ACLASTA® คือยา Zoledronic acid รูปแบบยาฉีด 5 mg/100mL [2] มีข้อบ่งใช้ในการรักษาโรคกระดูกพรุน ยาออกฤทธิ์ยับยั้งการสลายกระดูกของเซลล์สลายกระดูก ขนาดยาที่แนะนำคือ 5 มิลลิกรัม ฉีดเข้าหลอดเลือดดำปีละครั้ง เป็นเวลา 3 ปี จากนั้นตรวจค่าความหนาแน่นของมวลกระดูก [bone mineral density (BMD)] หากยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดกระดูกหักสูงแนะนำให้ยาต่อถึง 6 ปี อาการไม่พึงประสงค์สำคัญที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ ภาวะไตวายเฉียบพลัน (Acute kidney injury) หัวใจเต้นผิดจังหวะ (Atrial fibrillation) กระดูกต้นขาหักแบบผิดปกติ (Atypical femoral fractures) ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ (Hypocalcemia) อาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ (Influenza-like illness) และกระดูกขากรรไกรตาย (Osteonecrosis of the jaw) [3]
โรคกระดูกพรุนในหญิงวัยหมดประจำเดือนที่มี BMD ต่ำและมีความเสี่ยงกระดูกหักสูง ควรได้รับแคลเซียมและวิตามินดีเสริมร่วมกับการใช้ยารักษาโรคกระดูกพรุน[4] มีการศึกษาการได้รับแคลเซียมและวิตามินดีในผู้ป่วยหญิงวัยหมดประจำที่เป็นโรคกระดูกพรุนพบว่าสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดกระดูกสะโพกหักและเพิ่มมวลกระดูกได้อย่างมีนัยสำคัญ [5] โดยผู้ป่วยควรได้รับแคลเซียม 1,000-1,200 มิลลิกรัมต่อวัน เน้นการรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูงเป็นหลัก เช่น นมหรือผลิตภัณฑ์จากนมไขมันต่ำ เพราะมีปริมาณแคลเซียมสูงและแคลเซียมจากนมสามารถดูดซึมได้ดี ซึ่งปริมาณแคลเซียมเฉลี่ยที่คนไทยได้รับจากอาหารต่อวันมีเพียง 361 มิลลิกรัมต่อวันเนื่องจากอาหารที่บริโภคในชีวิตประจำวันมีแคลเซียมไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย จึงแนะนำให้รับประทานอาหารเสริมแคลเซียมปริมาณ ≤ 1000 มิลลิกรัมต่อวันและไม่เกิน 1500 มิลลิกรัมต่อวัน [6] ผลข้างเคียงที่พบบ่อยจากการรับประทานแคลเซียมเม็ด ได้แก่ ท้องอืด แน่นท้องและท้องผูก [7] ส่วนการให้วิตามินดีเสริมจะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมแคลเซียมได้ดียิ่งขึ้น วิตามินดีที่ให้จะอยู่ในรูปวิตามิน D3 (cholecalciferol) หรือวิตามิน D2 (ergocalciferol) โดยทั่วไปแนะนำให้ได้รับวิตามินดี 400-800 Units/day สำหรับผู้ที่มีระดับวิตามินดีในเลือดต่ำแนะนำ 800-1,000 Units/day และสำหรับผู้ที่ขาดวิตามินดีควรได้รับ 50,000 Units/week แบ่งให้สัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้ง เป็นเวลา 6-8 สัปดาห์ ซึ่ง CALCIFEROL® capsules คือวิตามิน D2 ขนาด 20,000 Units ต่อแคปซูล [2] สามารถรับประทานตามที่แพทย์สั่ง อาการไม่พึงประสงค์จากยาจะเกิดขึ้นเมื่อมีความเข้มข้นของวิตามินดีในเลือดสูงมากกว่า 100 ng/mL ได้แก่ ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง อ่อนเพลีย ปวดหัว ง่วงนอน คลื่นไส้อาเจียน [1]
สำหรับ KAL-CEE® ORANGE ประกอบด้วยวิตามินซี 1,000 มิลลิกรัม แคลเซียมคาร์บอเนต 625 มิลลิกรัม (เทียบเท่ากับแคลเซียม 250 มิลลิกรัม) วิตามิน D3 300 Units และวิตามิน B6 15 มิลลิกรัม ช่วยเพิ่มปริมาณแคลเซียมและวิตามินดีในร่างกายให้เพียงพอกับความต้องการต่อวันในการเสริมสร้างมวลกระดูก โดยรับประทานครั้งละ 1 เม็ดฟู่ละลายน้ำ 1 แก้ว วันละ 1 ครั้งพร้อมอาหาร [2] การรับประทาน KAL-CEE® ORANGE วันละ 1 เม็ด มีความปลอดภัยเนื่องจากปริมาณแคลเซียมและวิตามินดีไม่สูงจนทำให้เกิดพิษ แต่อาจเกิดผลข้างเคียงจากยาดังกล่าวข้างต้น อย่างไรก็ตามการรับประทาน KAL-CEE® ORANGE 1 เม็ดต่อวัน จะได้ปริมาณแคลเซียมเพียง 250 มิลลิกรัม ซึ่งอาจไม่เพียงพอต่อปริมาณแคลเซียมที่ผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนควรได้รับต่อวัน จึงแนะนำให้รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูงร่วมด้วย เช่น นม ผลิตภัณฑ์จากนม ปลาตัวเล็กที่บริโภคทั้งตัว กุ้งแห้ง เต้าหู้ หรือผักใบเขียว ได้แก่ คะน้า กวางตุ้ง ขี้เหล็ก ตำลึง บัวยก ถั่วพู เป็นต้น [7]
*ปริมาณแคลเซียมในอาหารแต่ละชนิดศึกษาเพิ่มเติมได้จาก ปริมาณสารอาหารอ้างอิงที่ควรได้รับประจําวันสําหรับคนไทย พ.ศ. 2563 หน้า 272 (https://www.thaidietetics.org/wp-content/uploads/2020/04/dri2563.pdf)

เอกสารอ้างอิง
[1]. O’Connell M, Borchert JS. Chapter 92 Osteoporosis and Osteomalacia. In: DiPiro JT, Talbert RL, Yee GC, Matzke GR, Wells BG, Posey LM, editors. Pharmacotherapy: A Pathophysiologic Approach, 10th ed. Newyork, McGraw Hill; 2017:1457-83.
[2]. Eizel A, Shirley ET, Rhyndel SA, Glazelle MS, Julie FB, Ryma S, editors. MIMS Drug Reference concise prescribing information. Bangkok: TIMS (Thailand) Ltd; 2021:412-3,515.
[3]. Zoledronic. In: Specific Lexicomp Online Database [database on the internet]. Hudson (OH): Lexicomp Lnc.: 2022 [updated 10 Jun. 2022; cited 14 Jun. 2022]. Available from: https://online.lexi.com. Subscription required to view.
[4]. Eastell R, Rosen CJ, Black DM, Cheung AM, Murad MH, Shoback D. Pharmacological Management of Osteoporosis in Postmenopausal Women: An Endocrine Society* Clinical Practice Guideline. J Clin Endocrinol Metab. 2019 May 1;104(5):1595-1622. doi: 10.1210/jc.2019-00221.
[5]. Liu C , Kuang X , Li K , Guo X , Deng Q , Li D . Effects of combined calcium and vitamin D supplementation on osteoporosis in postmenopausal women: a systematic review and meta-analysis of randomized controlled trials. Food Funct. 2020 Dec 1;11(12):10817-10827. doi: 10.1039/d0fo00787k.
[6]. มูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่งประเทศไทย. คำแนะนำเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคกระดูกพรุน. กรุงเทพฯ: คอนเซ็พท์ เมดิคัส. 2564.
[7]. คณะกรรมการและคณะทำงานปรับปรุงข้อกำหนดสารอาหารที่ควรได้รับประจำวันสำหรับคนไทย.ปริมาณสารอาหารอ้างอิงที่ควรได้รับประจําวันสําหรับคนไทย พ.ศ. 2563. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: สำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข; 2563:261-275.

วันที่ตอบ : 21 มิ.ย. 65 - 15:57:48


No : 2

จากรายการยา Calciferol capsule 20,000 IU สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ร่วมกับ Kal-Cee orange ที่มีส่วนประกอบ คือ วิตามินซี 1000 mg, แคลเซียม คาร์บอเนต 625 mg, วิตามินดี 300 IU และซีตริก แอซิด 1350 mg จะได้ว่าได้รับ วิตามินดี รวม 42,100 IU ต่อสัปดาห์ และแคลเซียม 625 mg ต่อวัน ซึ่งการได้รับปริมาณวิตามินที่สูง เนื่องจากแพทย์หวังผลในการรักษาระดับวิตามินดีที่ต่ำ โดยขนาดวิตามินดีที่ใช้ในการรักษาคือ 50,000 units 1 ครั้งต่อสัปดาห์ นาน 6 – 12 เดือน[1] และการให้ Kal-Cee orange เพื่อหวังให้ได้รับแคลเซียมร่วมด้วย เนื่องจากการมีภาวะกระดูกพรุนร่วมกับการมีอายุที่มากกว่า 65 และอยู่ในช่วงวัยหมดประจำเดือนจะทำให้โอกาสในการเกิดโรคกระดูกพรุนสูงขึ้น[2] เนื่องจากเมื่ออายุมากขึ้นความสามารถในการสร้าง vitamin D ที่ผิวลดลง, ทางเดินอาหารสามารถดูดซึม vitamin D จากอาหารได้ลดลงและการทำงานของตับที่สามารถเปลี่ยนรูปวิตามินให้อยู่ในรูปที่ร่างกายสามารถนำไปใช้งานได้ลดลงด้วย[3] นอกจากนี้การหมดประจำเดือนซึ่งเป็นช่วงที่เกิดการสร้างฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างกระดูกลดลง จึงส่งผลให้เกิดการสลายตัวของกระดูกมากขึ้นนั้นเอง[4] ดังนั้นควรได้รับทั้งแคลเซียมและวิตามินดีเสริม ซึ่งระดับแคลเซียมที่แนะนำในผู้ใหญ่ คือ ควรได้รับอย่างน้อย 1200 mg/day ในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนหรือผู้ชายอายุ 70 ปีขึ้นไป[5] ดังนั้นรายการยาที่แพทย์จ่ายให้นั้นเป็นปริมาณและระยะเวลาที่เหมาะสมตามกระบวนการรักษา

แต่อย่างไรก็ตามการใช้วิตามินดีเสริมร่วมกับแคลเซียมในระยะยาวนั้นสามารถเพิ่มความเสี่ยงทำให้เกิดภาวะระดับแคลเซียมสูงในปัสสาวะได้ แต่ความเสี่ยงของการเกิดแคลเซียมสูงในปัสสาวะจะแตกต่างกัน โดยปัจจัยที่เกี่ยวข้องประกอบด้วยขนาดวิตามินดีที่ได้รับ, เพศ, อายุ และ ภาวะระดับ Vitamin D ในกระแสเลือดในแต่ละบุคคล[6]โดยมีการศึกษาติดตามเพื่อดูความปลอดภัยในการรับประทานวิตามินดี 400 IU ร่วมกับแคลเซียม 1000 mg ติดต่อกันนาน 1 ปี พบว่าในกลุ่มที่ได้รับวิตามินเสริมนั้นมีผลทำให้เกิดภาวะแคลเซ๊ยมสูงในปัสสาวะจำนวน 6 รายเท่านั้นจากทั้งหมด 95 ราย[7] อีกทั้งการเสริมวิตามินดีร่วมกับแคลเซียมปริมาณปกติเป็นวิธีรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพและสำคัญในผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการหกล้มและกระดูกหัก[8]นอกจากนี้สามารถลดโอกาสเสี่ยงของการเกิดนิ่วที่อาจเกิดจากภาวะแคลเซียมสูงในปัสสาวะได้โดยการดื่มน้ำให้มากขึ้นให้มีปริมาณ 1.6 – 2.5 ลิตรต่อวันและเลี่ยงภาวะขาดน้ำ[9]

เอกสารอ้างอิง
[1]. Fitzgerald, Paul A. "Osteoporosis." Current Medical Diagnosis & Treatment 2024 Eds. Maxine A. Papadakis, et al. McGraw-Hill Education, 2024, https://accessmedicine.mhmedical.com/content.aspx?bookid=3343§ionid=280061387.
[2]. ชายนันท์ วิจิตรตระการรุ่ง. กระดูกพรุน โรคของกระดูกที่ต้องระวัง[Online] 2023 [cited Jun 29, 2024]. Available from https://www.rama.mahidol.ac.th/ramachannel/article/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B
8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%99-%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%81/.
[3]. Giustina A, Bouillon R, Dawson-Hughes B, Ebeling PR, Lazaretti-Castro M, Lips P, Marcocci C, Bilezikian JP. Vitamin D in the older population: a consensus statement. Endocrine. 2023 Jan;79(1):31-44. doi: 10.1007/s12020-022-03208-3. Epub 2022 Oct 26. PMID: 36287374; PMCID: PMC9607753.
[4]. Riggs BL. The mechanisms of estrogen regulation of bone resorption. J Clin Invest. 2000 Nov;106(10):1203-4. doi: 10.1172/JCI11468. PMID: 11086020; PMCID: PMC381441
[5]. UpToDate Lexidrug/Calciferol. UpToDate Lexidrug app. UpToDate Inc. Version 8.2.0. Accessed July 6, 2024.
[6]. Rizzoli R. Vitamin D supplementation: upper limit for safety revisited? Aging Clin Exp Res. 2021 Jan;33(1):19-24. doi: 10.1007/s40520-020-01678-x. Epub 2020 Aug 28. PMID: 32857334; PMCID: PMC7897606.
[7]. Michel Brazier, Franck Grados, Saïd Kamel, Marc Mathieu, Alain Morel, Mohamed Maamer, Jean-Luc Sebert, Patrice Fardellone,
Clinical and laboratory safety of one year's use of a combination calcium + vitamin D tablet in ambulatory elderly women with vitamin D insufficiency: Results of a multicenter, randomized, double-blind, placebo-controlled study, Clinical Therapeutics, Volume 27, Issue 12,2005, Pages 1885-1893, ISSN 0149-2918, https://doi.org/10.1016/j.clinthera.2005.12.010.
[8]. Demontiero O, Herrmann M, Duque G. Supplementation with vitamin D and calcium in long-term care residents. J Am Med Dir Assoc. 2011 Mar;12(3):190-4. doi: 10.1016/j.jamda.2010.09.013. Epub 2010 Nov 20. PMID: 21333920.
[9]. Sorensen, Mathew, et al. "Urinary Stone Disease." Current Medical Diagnosis & Treatment 2023 Eds. Maxine A. Papadakis, et al. McGraw-Hill Education, 2023, https://accessmedicine.mhmedical.com/content.aspx?bookid=3212§ionid=269147967.

วันที่ตอบ : 11 ก.ย. 67 - 14:10:26




พัฒนาระบบโดย ภานุชญา มณีวรรณ ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 90110