ให้บริการโดยคณาจารย์ เภสัชกรผู้เชี่ยวชาญด้านยาและสุขภาพ


คำชี้แจง "เว็บไซต์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการ ศึกษา การแลกเปลี่ยนความรู้ และให้ข้อมูลเรื่องยาในกรณีทั่วไป ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์หรือเพื่อการรักษาในกรณีที่จำเพาะเจาะจง และความเห็นสำหรับกรณีเฉพาะหนึ่ง จะไม่สามารถประยุกต์ใช้กับผู้อื่นได้โดยตรง หากมีปัญหาเรื่องโรคโปรดปรึกษาแพทย์ หากมีปัญหาเรื่องยา โปรดปรึกษาเภสัชกร หรือปรึกษาผู้เกี่ยวข้องโดยตรงกับกรณีนั้นด้วยตนเองเท่านั้น"

Search :
การตรวจค่า PRA, PAC

ผู้ป่วยที่ต้องตรวจผลทางห้องปฏิบัติการค่า PRA, PAC หากได้รับยา KCl ไปก่อนหน้านี้ ต้องรอระยะเวลานานเท่าไร จึงจะสามารถตรวจผลทางห้องปฏิบัติการได้

[รหัสคำถาม : 621] วันที่รับคำถาม : 22 ส.ค. 67 - 13:18:34 ถามโดย : บุคลากร วิทยาศาสตร์สุขภาพ

เข้าระบบเพื่อตอบคำถาม

No : 1

Primary aldosteronism (PA) เป็นโรคที่เกิดจากการหลั่ง aldosterone มากผิดปกติจากต่อมหมวกไต ทำให้ร่างกายดูดกลับ sodium และน้ำมากขึ้นจึงส่งผลให้เกิดความดันโลหิตสูง โดยจะมีการตรวจ screening test ของโรค PA ซึ่งใช้ผลทางห้องปฏิบัติการคือ aldosterone-to-renin ratio (ARR) หรือ PAC/PRA (โดย PAC คือ plasma aldosterone concentration และ PRA คือ plasma renin activity) โดยนิยมใช้ cut-off values ที่ 30 ng/dL per ng/mL/h หากผลตรวจ ARR มีค่าสูงกว่าที่กำหนด ก็จะเข้าสู่การตรวจ confirmation test เพื่อยืนยันการวินิจฉัยโรค โดยทำได้ 4 วิธี คือ oral sodium loading test, saline infusion test, fludrocortisone suppression test และ captopril challenge test อย่างไรก็ตามในกรณีที่ตรวจ screening test แล้วพบว่าผู้ป่วยมีภาวะ hypokalemia ร่วมกับมี PRA ต่ำ และ PAC > 20 ng/dL อาจพิจารณาข้ามการทำ confirmation test ไปทำ Adrenal computed tomography (CT) เพื่อวินิจฉัยสาเหตุของการเกิดโรค PA ได้ [1]
...
สำหรับการตรวจ screening test มีข้อควรระวังคือ ค่า ARR จะถูกเปลี่ยนแปลงได้จากยาหรือ electrolyte ในเลือดที่ผิดปกติได้ โดยผู้ป่วยที่มีภาวะ hypokalemia จะทำให้ระดับ aldosterone ลดลง ส่งผลให้ PAC และ ARR ลดลง ซึ่งจะทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการแปลผลเป็น false negative ดังนั้นการวัดค่า ARR ควรวัดในช่วงที่ผู้ป่วยไม่ได้กำลังใช้ยาหรือมีปัจจัยรบกวนระดับ electrolyte ในเลือด [2,3]
...
จากคำแนะนำของ Endocrine Society Clinical Practice Guideline ได้ระบุขั้นตอนการจัดการผู้ป่วยก่อนที่จะวัดค่า ARR คือ หากผู้ป่วยมีภาวะ hypokalemia ให้จัดการกับภาวะนี้จนระดับ potassium ในเลือดกลับมาเป็นปกติและจะต้องหยุดยาที่ส่งผลต่อค่า ARR เช่น spironolactone, potassium-wasting diuretics (Thiazide) เป็นต้น เป็นเวลาอย่างน้อย 4 สัปดาห์ หรือยาอื่น ๆ เช่น ACEIs, ARBs, NSAIDs เป็นต้น เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนจะได้รับการตรวจ ARR [2] ดังนั้นหากผู้ป่วยได้รับ KCl เพื่อแก้ไขภาวะ hypokalemia จะต้องรอจนกว่าผู้ป่วยมีระดับ potassium ในเลือดเป็นปกติจึงจะสามารถตรวจค่า PAC/PRA และแปลผลอย่างถูกต้องได้ โดยการรักษาภาวะ hypokalemia แบ่งตาม severity คือ mild to moderate (serum potassium 3-3.4 mEq/L): Oral 10-20 mEq จำนวน 2-4 ครั้งต่อวัน (total dose 20-80 mEq ต่อวัน) โดยแนะนำให้ติดตามระดับ serum potassium ทุกวันอย่างต่อเนื่อง และ severe (serum potassium <3 mEq/L): Oral 40 mEq จำนวน 3-4 ครั้งต่อวันหรือ IV 20 mEq ทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง โดยแนะนำให้ monitor serum potassium ทุก 2-4 ชม. [4]
...
จากการศึกษาของคุณ Leila และคณะ ในรูปแบบ descriptive-analytical cross-sectional study โดยเปรียบเทียบ efficacy และ safety ของ KCl oral tablet เทียบกับ KCl injection โดยการนำมาใช้แบบรับประทาน (KCl vial orally) เพื่อดูระยะเวลาที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะ hypokalemia ให้กลับมาเป็นปกติ และดู gastrointestinal symptoms โดยมีผู้ป่วยที่ได้รับ KCl oral tablet (24 mEq) ทุก 8 ชม. และผู้ป่วยที่ได้รับ KCl vial orally 12 mL (24 mEq) ทุก 8 ชม. กลุ่มละ 30 คน พบว่า mean total potassium intake ในกลุ่มที่ได้ KCl oral tablet เท่ากับ 127.20 mEq ส่วนในกลุ่ม KCl vial orally เท่ากับ 280.03 mEq ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ (p=0.002) และ mean duration of potassium normalization ในกลุ่มที่ได้ KCl oral tablet เท่ากับ 42.00 ชม. ส่วนในกลุ่ม KCl vial orally เท่ากับ 84.57 ชม. ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ (p=0.003) ทั้งนี้การเกิด gastrointestinal symptoms ได้แก่ esophagitis, bloating, stomach ache และ nausea พบว่าทั้งสองกลุ่มไม่แตกต่างกัน [5]
...
โดยสรุปหากผู้ป่วยมีภาวะ mild to moderate hypokalemia แนะนำให้รักษาและติดตามระดับ serum potassium ของผู้ป่วยทุกวัน โดยใช้เวลาอย่างน้อย 1-2 วันในการแก้ไขระดับ potassium ให้กลับมาปกติแล้วจึงตรวจผลทางห้องปฏิบัติการ PAC/PRA ได้ ส่วนผู้ป่วยที่มีภาวะ severe hypokalemia แนะนำให้รักษาและ monitor ระดับ serum potassium ของผู้ป่วยทุก 2-4 ชม. จนกว่าระดับ serum potassium กลับมาปกติแล้วจึงตรวจผลทางห้องปฏิบัติการ PAC/PRA ได้

เอกสารอ้างอิง
[1]. Hundemer GL, Vaidya A. Primary Aldosteronism Diagnosis and Management: A Clinical Approach. Endocrinol Metab Clin North Am. 2019 Dec;48(4):681-700.
[2]. Funder JW, Carey RM, Mantero F, Murad MH, Reincke M, Shibata H, Stowasser M, Young WF Jr. The Management of Primary Aldosteronism: Case Detection, Diagnosis, and Treatment: An Endocrine Society Clinical Practice Guideline. J Clin Endocrinol Metab. 2016 May;101(5):1889-916.
[3]. Ricardo R. Primary Aldosteronism Workup. Drug & Disease. Medscape; 2024. [cited July 2, 2024]. Available from: https://emedicine.medscape.com/article/127080-workup#c8.
[4]. David B Mount. Clinical manifestations and treatment of hypokalemia in adults. UpToDate Inc. [cited July 10, 2024]. Available from: https://online.uptodate.com.
[5]. Sabetnia L, Hematian F, Jafari H, Ganji R, Nezhadisalami A. Comparison of treatment of hypokalemia with oral administration of potassium chloride vial or oral tablets. Journal of Nephropathology. 2024 Jan 1;13(1).

วันที่ตอบ : 26 ส.ค. 67 - 09:39:39




พัฒนาระบบโดย ภานุชญา มณีวรรณ ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 90110