ให้บริการโดยคณาจารย์ เภสัชกรผู้เชี่ยวชาญด้านยาและสุขภาพ


คำชี้แจง "เว็บไซต์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการ ศึกษา การแลกเปลี่ยนความรู้ และให้ข้อมูลเรื่องยาในกรณีทั่วไป ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์หรือเพื่อการรักษาในกรณีที่จำเพาะเจาะจง และความเห็นสำหรับกรณีเฉพาะหนึ่ง จะไม่สามารถประยุกต์ใช้กับผู้อื่นได้โดยตรง หากมีปัญหาเรื่องโรคโปรดปรึกษาแพทย์ หากมีปัญหาเรื่องยา โปรดปรึกษาเภสัชกร หรือปรึกษาผู้เกี่ยวข้องโดยตรงกับกรณีนั้นด้วยตนเองเท่านั้น"

Search :
วิตามิน

วิตามินดี 2 นาทีสามต่างกันยังไงแล้วประโยชน์ต่างกันไหม

[รหัสคำถาม : 510] วันที่รับคำถาม : 20 พ.ค. 66 - 15:32:05 ถามโดย : บุคคลทั่วไป

เข้าระบบเพื่อตอบคำถาม

No : 1

วิตามินดีเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน มีหน้าที่หลัก คือควบคุมภาวะสมดุลของแคลเซียมและฟอสเฟตในเลือด ซึ่งมีผลต่อการสร้างและบำรุงกระดูกให้แข็งแรง วิตามินดียังมีหน้าที่อื่น เช่น ควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์ การแบ่งตัวของเซลล์ และการตายของเซลล์ รวมทั้งมีส่วนช่วยในเรื่องของการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน[1,2] ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีระดับ 25-hydroxyvitamin D (25(OH)D) หรือ calcidiol ในร่างกายมากกว่า 30 ng/mL เพื่อให้ร่างกายมีวิตามินดีเพียงพอ[1] ในธรรมชาติ แบ่งวิตามินดีออกเป็น 2 ชนิดตามแหล่งที่มา ได้แก่ วิตามินดี 2 (ergocalciferol) ซึ่งร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ได้เอง พบพืชและเชื้อรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเห็ดที่ได้รับแสง UV และวิตามินดี 3 (cholecalciferol) ซึ่งมีแหล่งที่มาจากสัตว์ เช่น น้ำมันตับปลา และ 7-dehydrocholesterol ที่ผิวหนังเมื่อสัมผัสแสงแดด UVB ซึ่งร่างกายสังเคราะห์เองได้[3]

วิตามินดีทั้งสองชนิด มีคุณสมบัติทางเภสัชจลนศาสตร์ไม่แตกต่างกัน มีการดูดซึมเหมือนกัน และมีคุณสมบัติละลายในไขมันได้ดี หลังจากวิตามินดีเข้าสู่ร่างกาย จะมีครึ่งชีวิตค่อนข้างสั้นประมาณ 2 วัน และวิตามินดีจะถูกเก็บสะสมในเนื้อเยื่อไขมันส่วนหนึ่งจะถูกปล่อยออกมาในรูป 25(OH)D ที่มีครึ่งชีวิตนานขึ้นประมาณ 2 สัปดาห์ จึงถูกใช้ในการเจาะวัดระดับ 25(OH)D เพื่อบ่งบอกภาวะพร่องหรือขาดวิตามินดี[2] วิตามินดีทั้งสองชนิดมีประโยชน์ต่อร่างกายไม่แตกต่างกัน วิตามินดีที่เข้าสู่ร่างกายยังไม่มีฤทธิ์ในการรักษาจนกว่าจะผ่านกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่ตับ ได้เป็น 25(OH)D ก่อนจะไปเปลี่ยนแปลงที่ไต ได้เป็น 1,25-dihydroxyvitamin D (calcitriol) ซึ่งเป็นรูปที่ออกฤทธิ์[2,3] โดยร่างกายจะได้รับวิตามินดีจากการสร้างวิตามินดีจากที่ผิวหนังจากแสงแดด ร้อยละ 80-90 และอีกร้อยละ 10-20 มาจากอาหารและการกินวิตามินหรือยาเสริม

จากการศึกษาเปรียบเทียบวิตามินดี 2 และวิตามินดี 3 ในการเพิ่มระดับ 25(OH)D ในเลือด พบว่าวิตามินดี 3 มีประสิทธิภาพดีกว่า[4] งานวิจัยชนิด meta-analysis พบว่ากลุ่มที่ได้รับวิตามินดี 2 มีการเพิ่มขึ้นของ 25(OH)D น้อยกว่ากลุ่มที่ได้รับวิตามินดี 3 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (-10.39 nmol/L, 95% CI: −14.62,−6.16; I2 = 64%; P<00001)[5] นอกจากนี้วิตามินดี 2 และ วิตามินดี 3 มีความสามารถในการจับกับตัวรับวิตามินดีได้แตกต่างกัน โดยวิตามินดี 3 มีความสามารถในการจับกับ 25-hydroxylase ที่ตับได้ดีกว่า วิตามินดี 2[1,3] โดยข้อบ่งใช้เสริมวิตามินดีคือผู้ที่ไม่ค่อยทานอาหารที่มีวิตามินดี ร่วมกับไม่ค่อยได้รับแสงแดด[2]

กรมอนามัย สำนักโภชนาการ แนะนำขนาดวิตามินดีที่ควรบริโภคต่อวัน โดยสามารถแบ่งตามช่วงอายุ และภาวะของร่างกายได้ดังนี้ ช่วงทารกแรกเกิดจนถึงอายุก่อน 1 ปี 400 IU/วัน; เด็กอายุ 1-18 ปี 400-600 IU/วัน; ผู้ใหญ่อายุ 19-70 ปี 400-600 IU/วัน; ผู้สูงอายุ >71 ปี 600-800 IU/วัน และหญิงตั้งครรหรือหญิงให้นมบุตร แนะนำ 400-600 IU/วัน แต่ต้องไม่เกินปริมาณสูงสุดที่สามารถรับได้ในแต่ละวัย กล่าวคือ ทารกแรกเกิดจนถึงก่อน 6 เดือนไม่เกิน 1,000 IU/วัน; อายุ 6-12 เดือนไม่เกิน 1,500 IU/วัน; เด็ก 1-3 ปี ไม่เกิน 2,500 IU/วัน; เด็ก 4-8 ปีไม่เกิน 3,000 IU/วัน; และอายุ 9 ปีขึ้นไปไม่เกิน 4,000 IU/วัน เนื่องจากอาจเกิดพิษจากวิตามินดี ทำให้ระดับแคลเซียมในเลือดสูง มีอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง ขาดสมาธิ เบื่ออาหาร คลื่นไส้ ท้องผูก มีอาการเกี่ยวกับระบบหัวใจ ไต และกระดูกเปราะ เป็นต้น[2]

เอกสารอ้างอิง
[1]. Sizar O, Khare S, Goyal A, et al. Vitamin D Deficiency. [internet].2024. [cited 2567 September 30] Available from: https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK532266/
[2]. กรมอนามัย สำนักโภชนาการ. ปริมาณสารอาหารอ้างอิงที่คนได้รับประจำวันสำหรับคนไทย พศ. 2563. [อินเตอร์เน็ต]. 2563. [เข้าถึงเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567]. เข้าถึงได้จาก: https://www.thaidietetics.org/ wp-content/uploads/2020/04/dri2563.pdf
[3]. Bikle DD. Vitamin D metabolism, mechanism of action, and clinical applications. Chem Biol. 2014;21(3):319-329.
[4]. Tripkovic L, Lambert H, Hart K, Smith CP, Bucca G, Penson S, et al. Comparison of vitamin D2 and vitamin D3 supplementation in raising serum 25-hydroxyvitamin D status: a systematic review and meta-analysis. Am J Clin Nutr. 2012; 95(6): 1357-64.
[5]. van den Heuvel EG, Lips P, Schoonmade LJ, Lanham-New SA, van Schoor NM. Comparison of the Effect of Daily Vitamin D2 and Vitamin D3 Supplementation on Serum 25-Hydroxyvitamin D Concentration (Total 25(OH)D, 25(OH)D2, and 25(OH)D3) and Importance of Body Mass Index: A Systematic Review and Meta-Analysis. Adv Nutr. 2024;15(1):100133.

วันที่ตอบ : 09 ต.ค. 67 - 09:52:36




พัฒนาระบบโดย ภานุชญา มณีวรรณ ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 90110