ให้บริการโดยคณาจารย์ เภสัชกรผู้เชี่ยวชาญด้านยาและสุขภาพ


คำชี้แจง "เว็บไซต์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการ ศึกษา การแลกเปลี่ยนความรู้ และให้ข้อมูลเรื่องยาในกรณีทั่วไป ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์หรือเพื่อการรักษาในกรณีที่จำเพาะเจาะจง และความเห็นสำหรับกรณีเฉพาะหนึ่ง จะไม่สามารถประยุกต์ใช้กับผู้อื่นได้โดยตรง หากมีปัญหาเรื่องโรคโปรดปรึกษาแพทย์ หากมีปัญหาเรื่องยา โปรดปรึกษาเภสัชกร หรือปรึกษาผู้เกี่ยวข้องโดยตรงกับกรณีนั้นด้วยตนเองเท่านั้น"

Search :
การใช้ยา

สามารถใช้ยาเถาวัลย์เปรียงคู่กับ diclofenac ได้หรือไม่

[รหัสคำถาม : 646] วันที่รับคำถาม : 22 ก.ย. 67 - 18:01:36 ถามโดย : บุคลากร วิทยาศาสตร์สุขภาพ

เข้าระบบเพื่อตอบคำถาม

No : 1

การอักเสบ เป็นกระบวนการที่เกิดจากการตอบสนองต่อภูมิคุ้มกันของร่างกายเมื่อเนื้อเยื่อของร่างกายได้รับบาดเจ็บ สาร prostaglandins (PGs) และสาร leukotrienes (LTs) เป็นสารสื่อกลางที่มีบทบาทสำคัญต่อการควบคุมการอักเสบอันเนื่องมาจากระบบภูมิคุ้มกัน ถูกกระตุ้นสร้างจากสาร arachidonic acid เมื่อร่างกายเกิดกระบวนการอักเสบโดยอาศัยเอนไซม์ cyclooxygenase (COX) และ lipoxygenase (LOX) ตามลำดับ  สาร PGs มีบทบาทสำคัญต่อการเกิดอาการปวด บวม แดง และ ร้อน สาร prostaglandins E2 (PGE2)[1-3]และ สาร leukotriene B4 (LTB4) มีบทบาทสำคัญในการเป็นสารสื่อกลางกระตุ้นกระบวนการอักเสบ[4] ยาต้านอักเสบกลุ่ม non-selective NSAIDs (non-steroidal anti-inflammatory drugs) ตัวอย่างเช่น diclofenac ibuprofen เป็นต้น ออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ cyclooxygenase-1 (COX-1) และ cyclooxygenase-2 (COX-2) จัดเป็น nonselective COX inhibitors การยับยั้งเอนไซม์ COX-2 ทำให้ยับยั้งการสร้างสาร PGE2 ที่กระตุ้นกระบวนการอักเสบจึงทำให้มีฤทธิ์ต้านอักเสบ แต่การยับยั้งเอนไซม์ COX-1 จะทำให้ลดการสร้างสาร PGs ที่ทำหน้าที่ปกป้องเนื้อเยื่อท่อทางเดินอาหารส่วนต้นจากการลดการหลั่งกรด กระตุ้นการไหลเวียนเลือด และกระตุ้นการสร้างเยื่อเมือกเคลือบผิวท่อทางเดินอาหาร ส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงที่อันตรายต่อท่อทางเดินอาหารที่สำคัญ คือ เกิดแผลหรือภาวะเลือดออกในท่อทางเดินอาหารส่วนต้น และกระเพาะอาหารทะลุ[3,5-6] รวมทั้งยังทำให้เกิดพิษต่อไตเนื่องจากโดยปกติที่ไต สาร PGs จะทำให้เกิดการขยายตัวของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงที่ไต ดังนั้นการยับยั้งการสร้าง สาร PGs จะทำให้มีเลือดไปเลี้ยงที่ไตลดลงส่งผลให้เกิดพิษต่อไตได้[7]

เถาวัลย์เปรียงเป็นสมุนไพรไทย มีสาร genistein 7-O-α-rhamnosyl (1→6) βglucopyranoside และ isoprenylated[8-9]ที่มีกลไกการออกฤทธิ์ลดปวดโดยการยับยั้งการสร้างสาร PGs และมีกลไกการออกฤทธิ์ต้านอักเสบโดยการยับยั้งการสร้างสาร LTB4 จึงมีข้อบ่งใช้สำหรับบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อและลดการอักเสบของกล้ามเนื้อ[4,8]  ผลการศึกษาประสิทธิภาพการใช้แคปซูลผงเถาวัลย์เปรียง 500 มิลลิกรัม รับประทานวันละ 3 ครั้ง เทียบกับยา diclofecnac ขนาด 25 และ 75 มิลลิกรัม รับประทานวันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 7 และ 14 วันตามลำดับ พบว่า มีประสิทธิภาพในการลดอาการปวดเข่าในผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ[4]  อย่างไรก็ตามจากการที่สารในเถาวัลย์เปรียงมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ COX-1 ร่วมด้วยจึงทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อท่อทางเดินอาหารและเกิดพิษต่อไตเหมือนยากลุ่ม non-selective NSAIDs ทั้งนี้มีรายงานว่าการใช้ยากลุ่ม non-selective NSAIDs และเถาวัลย์เปรียงร่วมกัน จะทำให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยาแบบเสริมฤทธิ์กัน (additive effect) ทั้งฤทธิ์ลดปวด ต้านอักเสบ และการเกิดผลข้างเคียง[4-6,9-11] ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้รับประทานเถาวัลย์เปรียงและยา diclofenac ร่วมกันเนื่องจากมีประสิทธิภาพในการลดอาการปวดและการอักเสบไม่แตกต่างกันแต่จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงที่อันตรายต่อระบบท่อทางเดินอาหารและไตได้

เอกสารอ้างอิง
[1]. Ricciotti E, FitzGerald GA. Prostaglandins and inflammation. Arterioscler Thromb Vasc Biol. 2011 May;31(5):986-1000. doi: 10.1161/ATVBAHA.110.207449. PMID: 21508345; PMCID: PMC3081099.
[2]. Chen L, Yang G, Grosser T. Prostanoids and inflammatory pain. Prostaglan Other Lipi Med. 2013 Jul-Aug;104-105:58-66. doi: 10.1016/j.prostaglandins.2012.08.006. Epub 2012 Sep 3. PMID: 22981510. 
[3]. Cashman JN. The mechanisms of action of NSAIDs in analgesia. Drugs. 1996;52 Suppl 5:13-23. doi: 10.2165/00003495-199600525-00004. PMID: 8922554.
https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/8922554/
[4]. Puttarak P, Sawangjit R, Chaiyakunapruk N. Efficacy and safety of Derris scandens (Roxb.) Benth. for musculoskeletal pain treatment: A systematic review and meta-analysis of randomized controlled trials. J. Ethnopharmacol. 2016 Dec 24;194:316-23. 
[5]. McGraw Hill Medical. Drug monograph: diclofenac [online]. 2024 [Internet]. 2024 [cited 2024 June 29]. Available from: https://accessmedicine.mhmedical.com/drugs.aspx?gbosID=
423475
[6]. Elsevier Drug Information. Drug monograph: diclofenac [online]. 2024 [cited 2024 June 29]. Available from:https://www.clinicalkey.com/#!/content/drug_monograph/6-s2.0-183
#Description 
[7]. Lucas GNC, Leitão ACC, Alencar RL, Xavier RMF, Daher EF, Silva Junior GBD. Pathophysiological aspects of nephropathy caused by non-steroidal anti-inflammatory drugs. J Bras Nefrol. 2019 Jan-Mar;41(1):124-130. doi: 10.1590/2175-8239-JBN-2018-0107. Epub 2018 Sep 21. PMID: 30281062; PMCID: PMC6534025.
[8]. ฐานข้อมูลเครื่องมือยาสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. ฐานข้อมูลยาสมุนไพร. [เข้าถึงเมื่อ 2024 June 30]. Available from: 
https://apps.phar.ubu.ac.th/thaicrudedrug/main.php?action=viewpage&pid=63  
[9]. Punjanon TA. The Additivity antinociceptive interactions between diclofenac and the Derris scandens extract drug in mice. Asian J Pharm Clin Res. 2018 Nov 1;314-17. 
[10]. บัญชียาหลักแห่งชาติ (National List of Essential Medicines). เถาวัลย์เปรียง. [เข้าถึงเมื่อ 2024 June 30]. Available from: https://kpo.moph.go.th/webkpo/tool/Thaimed2555.pdf#page85 
[11]. สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. ฐานข้อมูลอันตรกิริยาระหว่างสมุนไพรกับยาแผนปัจจุบัน. [เข้าถึงเมื่อ 2024 June 30]. Available from:
https://medplant.mahidol.ac.th/herbdrug/hd_articles.asp?r=141673&bc=0280&dc=D0014&gc=G0019 

วันที่ตอบ : 25 ก.ย. 67 - 16:11:12




พัฒนาระบบโดย ภานุชญา มณีวรรณ ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 90110