ให้บริการโดยคณาจารย์ เภสัชกรผู้เชี่ยวชาญด้านยาและสุขภาพ


คำชี้แจง "เว็บไซต์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการ ศึกษา การแลกเปลี่ยนความรู้ และให้ข้อมูลเรื่องยาในกรณีทั่วไป ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์หรือเพื่อการรักษาในกรณีที่จำเพาะเจาะจง และความเห็นสำหรับกรณีเฉพาะหนึ่ง จะไม่สามารถประยุกต์ใช้กับผู้อื่นได้โดยตรง หากมีปัญหาเรื่องโรคโปรดปรึกษาแพทย์ หากมีปัญหาเรื่องยา โปรดปรึกษาเภสัชกร หรือปรึกษาผู้เกี่ยวข้องโดยตรงกับกรณีนั้นด้วยตนเองเท่านั้น"

Search :
Hydroxychloroquine, Retinopathy

Hydroxychloroquine ทำให้เกิด Retinopathy เมื่อใช้ในขนาดเท่าไหร่และนานแค่ไหน

[รหัสคำถาม : 650] วันที่รับคำถาม : 26 ก.ย. 67 - 16:46:12 ถามโดย : บุคลากร วิทยาศาสตร์สุขภาพ

เข้าระบบเพื่อตอบคำถาม

No : 1

Hydroxychloroquine เป็นยากลุ่มรักษาโรคมาลาเรีย และยังสามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคอื่นได้ เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (systemic rheumatic diseases) โรค systemic lupus erythematosus (SLE)


ยา hydroxychloroquine มีผลข้างเคียงที่ควรติดตามในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยานี้ นั่นคือ การเกิดพิษต่อจอประสาทตา (Retinopathy) ซึ่งเกิดจากยา hydroxychloroquine สะสมที่จอตาบริเวณจุดรับภาพ หากตรวจพบในระยะแรกที่เรียกว่าระยะ retinal pigmented epithelium จะสามารถรักษาหายเป็นปกติได้เมื่อหยุดยา แต่หากใช้ยาต่อไป อาการจะเป็นมากขึ้น จนเกิดเป็น bull's eye ระยะนี้จะไม่สามารถรักษาหายได้แม้หยุดใช้ยานานกว่า 3 ปี เนื่องจากเกิดการทำลายจอตาส่วน macula ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการมองเห็น อาการในระยะนี้ ได้แก่ อาการตาไม่สู้แสง เห็นภาพไม่ชัดเจนในการมองระยะไกล การมองเห็นในตอนกลางคืนลดลง การมองเห็นบกพร่อง และระยะโรคอาจรุนแรงจนถึงขั้นตาบอด [1]

ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดการเป็นพิษต่อจอประสาทตาจากการใช้ยา hydroxychloroquine เช่น เพศหญิง มีอายุมากตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป และการเป็นโรคไตเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease : CKD) ในระยะที่ 3 ขึ้นไป [2] นอกจากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น การเกิดพิษต่อจอประสาทตาจากการใช้ยา Hydroxychloroquine จะสัมพันธ์กับขนาดยาและระยะเวลาที่ผู้ป่วยได้รับยาติดต่อกัน [3] จากแนวทางการรักษาของ American Academy of Ophthalmology (AAO) ปี 2016 แนะนำให้ผู้ป่วยใช้ยา Hydroxychloroquine ในขนาดต่ำกว่า 5.0 มก./กก./วัน คิดตามน้ำหนักจริงของผู้ป่วย และผู้ที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 80 กิโลกรัม แนะนำให้ใช้ยาในขนาดต่ำกว่า 400 มก. ต่อวัน และในผู้ที่ใช้ยา Hydroxychloroquine ติดต่อกันนานกว่า 5 ปี ควรได้รับการตรวจคัดกรองโรคทางตาเป็นประจำทุกปี [4]

แนวเวชปฏิบัติเพื่อการวินิจฉัยและการดูแลรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์จากสมาคมรูมาติซึ่มแห่งประเทศไทย แนะนำว่าผู้ป่วยควรตรวจจอประสาทตาโดยจักษุแพทย์ก่อนให้ยา และตรวจตาทุก 1 ปีหลังให้ยา เมื่อตรวจพบการเปลี่ยนแปลงของจอประสาทตาในระยะแรกให้พิจารณาหยุดยาและตรวจตาซ้ำทุก 6 เดือน ร่วมกับพิจารณาใช้ยาตัวอื่นในการรักษาหรือส่งต่อแพทย์เฉพาะทางต่อไป ส่วนในผู้ที่ควบคุมอาการของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์และโรค SLE ได้ดีจนโรคสงบ (remission) ควรพิจารณาลดขนาดยาลง [6]

เอกสารอ้างอิง
[1] Wallace DJ. Antimalarial drugs in the treatment of rheumatic disease. In: UpToDate, Post TW (Ed), Wolters Kluwer. https://www.uptodate.com (Accessed on July 1, 2024.)
[2] Jorge AM, Melles RB, Marmor MF, Zhou B, Zhang Y, Choi HK. Risk factors for hydroxychloroquine retinopathy and its subtypes. JAMA Netw Open. 2024;7(5): e2410677.
[3] Yusuf IH, Charbel Issa P, Ahn SJ. Hydroxychloroquine-induced retinal toxicity. Front Pharmacol. 2023;14:1196783.
[4] Marmor MF, Kellner U, Lai TY, Melles RB, Mieler WF; American academy of ophthalmology (AAO). Recommendations on screening for chloroquine and hydroxychloroquine retinopathy (2016 revision). Ophthalmology. 2016;123(6):1386-1394.
[5] Santos M, Leal I, Morais Sarmento T, Mano SS, José P, Vaz-Pereira S. Bull's Eye Maculopathy in Near-Infrared Reflectance as An Early Sign of Hydroxychloroquine Toxicity. Diagnostics. 2023;13(3):445.
[6] สิรีธร คูระทอง. ภาวะความผิดปกติของจอประสาทตาที่เกิดจากยา Hydroxychloroquine. วชิรเวชสารและวารสารเวชศาสตร์เขตเมือง. 2018;62(1):53-62.



วันที่ตอบ : 01 ต.ค. 67 - 23:09:34




พัฒนาระบบโดย ภานุชญา มณีวรรณ ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 90110