ให้บริการโดยคณาจารย์ เภสัชกรผู้เชี่ยวชาญด้านยาและสุขภาพ


คำชี้แจง "เว็บไซต์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการ ศึกษา การแลกเปลี่ยนความรู้ และให้ข้อมูลเรื่องยาในกรณีทั่วไป ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์หรือเพื่อการรักษาในกรณีที่จำเพาะเจาะจง และความเห็นสำหรับกรณีเฉพาะหนึ่ง จะไม่สามารถประยุกต์ใช้กับผู้อื่นได้โดยตรง หากมีปัญหาเรื่องโรคโปรดปรึกษาแพทย์ หากมีปัญหาเรื่องยา โปรดปรึกษาเภสัชกร หรือปรึกษาผู้เกี่ยวข้องโดยตรงกับกรณีนั้นด้วยตนเองเท่านั้น"

Search :
Sucralfate

อยากทราบกลไกการออกฤทธิ์Sucralfate และ sucralfate สามารถรักษาแผลในลำไส้ได้ไหมคะ (รูปแบบรับประทาน)

[รหัสคำถาม : 655] วันที่รับคำถาม : 02 ต.ค. 67 - 11:30:06 ถามโดย : บุคลากร วิทยาศาสตร์สุขภาพ

เข้าระบบเพื่อตอบคำถาม

No : 1

Sucralfate เป็นยาชนิดรับประทาน มีข้อบ่งใช้ในการรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหาร แผลที่ลำไส้เล็กส่วนต้น รวมถึงโรคกรดไหลย้อน มีกลไกการออกฤทธิ์โดยการสร้างสารประกอบเชิงซ้อน ซึ่งตัวยาจะเข้าไปจับกับโปรตีนที่มีประจุบวกตามผนังกระเพาะและลำไส้ เกิดเป็นสารยึดเกาะที่เหนียวข้น จึงสามารถป้องกันผนังกระเพาะและลำไส้จากการสัมผัสกับกรดและเอนไซม์ย่อยอาหารต่าง ๆ เช่น เพปซิน และน้ำดี [1-2]

จากการศึกษารูปแบบการทดลองสุ่มแบบมีกลุ่มควบคุมโดย Hollander ในปี ค.ศ. 1981 ในผู้ป่วยโรคแผลในลำไส้เล็กส่วนต้น 55 คน พบว่าการได้รับ sucralfate ขนาด 4 กรัม/วัน มีอัตราการหายของแผลที่ 4 สัปดาห์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอก (91.7% และ 58.1% ตามลำดับ, p<0.01) [3] อย่างไรก็ตาม การทดลองสุ่มแบบมีกลุ่มควบคุม โดย Martin และคณะ ในปี ค.ศ. 1982 ซึ่งเปรียบเทียบประสิทธิภาพของ sucralfate 4 กรัม/วัน กับ ranitidine ซึ่งเป็นยาในกลุ่ม histamine-2 receptor antagonist (H2RA) ขนาด 1200 มิลลิกรัม/วัน ในผู้ป่วยโรคแผลในลำไส้เล็กส่วนต้น 59 คน พบว่าอัตราการหายของแผลที่ 8 สัปดาห์ของทั้งสองกลุ่มไม่แตกต่างกันทางสถิติ (90.0% และ 86.2% ตามลำดับ) [4]

การศึกษารูปแบบการทดลองสุ่มแบบมีกลุ่มควบคุมโดย Bianchi Porro ในปี 1997 เปรียบเทียบประสิทธิภาพของ omeprazole ซึ่งเป็นยาในกลุ่ม proton pump inhibitor (PPI) ขนาด 20 มิลลิกรัม/วัน กับ sucralfate 4 กรัม/วัน ในการรักษาแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้นจากการใช้ยากลุ่ม NSAIDs ในผู้ป่วย 98 คน พบว่า omeprazole มีอัตราการหายของแผลทั้งหมดเหนือกว่า sucralfate ที่ 4 และ 8 สัปดาห์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (82% และ 51%, p = 0.004) และ (96% และ 78%, p = 0.01) ตามลำดับ เมื่อพิจารณาเฉพาะในกลุ่มที่เป็นแผลในกระเพาะอาหารพบว่า omeprazole มีอัตราการหายของแผลในกระเพาะอาหารเหนือกว่า sucralfate ที่ 4 และ 8 สัปดาห์ อย่างมีนัยสำคัญเช่นเดียวกัน (87% และ 52%, p = 0.007) และ (100% และ 82%, p = 0.04) แต่เมื่อพิจารณาในผลลัพธ์ของการรักษาแผลในลำไส้ที่ 4 และ 8 สัปดาห์ พบว่าทั้ง 2 กลุ่มไม่มีความแตกต่างกัน (79% และ 54.5%) และ (95% และ 73%) ตามลำดับ [5]

Sucralfate ไม่ได้เป็นยาตัวเลือกแรกในการรักษาแผลในลำไส้ จากการสืบค้นในแนวทางเวชปฏิบัติในการวินิจฉัยและการรักษาผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobacter pylori) ในประเทศไทย พ.ศ 2558 [6] และแนวทางในการวินิจฉัยและการรักษา dyspepsia ในประเทศไทย พ.ศ. 2561 [7] และแนวทางเวชปฏิบัติจาก American College of Gastroenterology [8-10] ไม่พบคำแนะนำที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยา sucralfate แต่จากแนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคแผลในกระเพาะอาหารของ The Japanese Society of Gastroenterology (JSGE) ในปี 2020 มีคำแนะนำให้ใช้ยา sucralfate ในกรณีที่ไม่สามารถใช้ยาในกลุ่ม PPI ได้ [11] ดังนั้น อาจพิจารณาใช้ sucralfate ในการรักษาแผลในทางเดินอาหารเป็นทางเลือกในการรักษาในผู้ที่ไม่สามารถใช้ยา กลุ่ม PPI ได้ โดยมีประสิทธิภาพไม่แตกต่างจากยาในกลุ่ม H2RA

เอกสารอ้างอิง
[1]. Sucralfate. In: Lexi-drugs online [database on the Internet]. Waltham (MA): UpToDate Inc.; 2024 [updated 10 Aug 2024; cited 7 Oct 2024]. Available from: https://online.lexi.com/lco/action/doc/retrieve/docid/multinat_f/4669509?cesid=28rw41kusHc&searchUrl=%2Flco%2Faction%2Fsearch%3Fq%3Dsucralfate%26t%3Dname%26acs%3Dfalse%26acq%3Dsucralfate#doa
[2]. Medscape. Sucralfate [internet]. New York: WebMD; 2010 [cited 7 Oct 2024]. Available from : https://reference.medscape.com/drug/carafate-sucralfate-342006?_gl=1*14ir2o*_gcl_au*NTc0ODcyMjM3LjE3MjcyNDc0OTA.#0
[3]. Hollander D. Efficacy of sucralfate for duodenal ulcers: a multicenter, double-blind trial. J Clin Gastroenterol. 1981;3(Suppl 2):153-7.
[4]. Martin F, Farley A, Gagnon M, Bensemana D. Comparison of the healing capacities of sucralfate and cimetidine in the short-term treatment of duodenal ulcer: a double-blind randomized trial. Gastroenterology. 1982 Mar;82(3):401-5.
[5]. Bianchi Porro G, Lazzaroni M, Manzionna G, Petrillo M. Omeprazole and sucralfate in the treatment of NSAID-induced gastric and duodenal ulcer. Aliment Pharmacol Ther. 1998 Apr;12(4):355-60. doi: 10.1046/j.1365-2036.1998.00312.x.
[6]. กลุ่มวิจัยโรคกระเพาะอาหาร สมาคมแพทย์ระบบทางเดินอาหารแห่งประเทศไทย. แนวทางเวชปฏิบัติในการวินิจฉัยและการรักษาผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobacter pylori) ในประเทศไทย พ.ศ 2558 [อินเทอร์เน็ต]. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพ: บริษัท คอนเซ็พท์ เมดิคัส จำกัด; 2559 [เข้าถึงเมื่อ 9 ตุลาคม 2567]. เข้าถึงได้จาก: https://www.gastrothai.net/source/content-file/191_1.Helicobacter%20Pylori.pdf
[7]. กลุ่มวิจัยโรคกระเพาะอาหาร สมาคมแพทย์ระบบทางเดินอาหารแห่งประเทศไทย. แนวทางในการวินิจฉัยและการรักษา dyspepsia ในประเทศไทย พ.ศ.2561 [อินเทอร์เน็ต]. 2561 2559 [เข้าถึงเมื่อ 9 ตุลาคม 2567]. เข้าถึงได้จาก: https://www.gastrothai.net/th/guideline-detail.php?content_id=383
[8]. Chey WD, Leontiadis GI, Howden CW, Moss SF. ACG Clinical Guideline: Treatment of Helicobacter pylori Infection. Am J Gastroenterol. 2017 Feb;112(2):212-239. doi: 10.1038/ajg.2016.563.
[9]. Moayyedi P, Lacy BE, Andrews CN, Enns RA, Howden CW, Vakil N. ACG and CAG Clinical Guideline: Management of Dyspepsia. Am J Gastroenterol. 2017 Jul;112(7):988-1013. doi: 10.1038/ajg.2017.154. Epub 2017 Jun 20. Erratum in: Am J Gastroenterol. 2017 Sep;112(9):1484. doi: 10.1038/ajg.2017.238.
[10]. Laine L, Barkun AN, Saltzman JR, Martel M, Leontiadis GI. ACG Clinical Guideline: Upper Gastrointestinal and Ulcer Bleeding. Am J Gastroenterol. 2021 May 1;116(5):899-917. doi: 10.14309/ajg.0000000000001245. Erratum in: Am J Gastroenterol. 2021 Nov 1;116(11):2309. doi: 10.14309/ajg.0000000000001506.
[11]. Kamada T, Satoh K, Itoh T, Ito M, Iwamoto J, Okimoto T, et al. Evidence-based clinical practice guidelines for peptic ulcer disease 2020. J Gastroenterol. 2021 Apr;56(4):303-322. doi: 10.1007/s00535-021-01769-0.

วันที่ตอบ : 15 ต.ค. 67 - 12:59:12




พัฒนาระบบโดย ภานุชญา มณีวรรณ ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 90110