สาระน่ารู้เรื่องยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพสำหรับประชาชนทั่วไป

เชื้อไวรัสอาร์เอสวี (RSV) ในเด็ก

เชื้อไวรัสอาร์เอสวี (RSV) ในเด็ก

           เชื้อไวรัสอาร์เอสวี (Respiratory Syncytial Virus: RSV) เป็นสาเหตุของการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจทั้งส่วนบนและส่วนล่าง พบการติดเชื้อในทุกกลุ่มอายุ แต่อาการจะรุนแรงในเด็กเล็ก เด็กที่คลอดก่อนกำหนด ผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี รวมถึงผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง (เช่น โรคเบาหวาน โรคปอด โรคหัวใจ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันร่างกายผิดปกติ)

          องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) รายงานว่าเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ที่ติดเชื้อไวรัส RSV จะเข้าโรงพยาบาลโดยเฉลี่ย 58,000 - 80,000 รายต่อปี และเสียชีวิตโดยเฉลี่ย 100 - 300 รายต่อปี รองลงมา คือ ผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี เข้าโรงพยาบาลโดยเฉลี่ย 60,000 - 160,000 รายต่อปี และเสียชีวิตโดยเฉลี่ย 6,000 -10,000 รายต่อปี
          เชื้อไวรัส RSV ทำให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ ติดต่อจากการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ที่ติดเชื้อ โดยไวรัสเข้าสู่ร่างกายผ่านทางเยื่อบุตา จมูก ปาก หรือสัมผัสเชื้อโดยตรงจากการจับมือ อาการแสดงจะเกิดหลังสัมผัสเชื้อภายใน 4-6 วัน และเมื่อป่วยจะสามารถแพร่กระจายเชื้อได้นาน 3-8 วัน อาการโดยทั่วไปอาจจะเหมือนไข้หวัดธรรมดา แต่อาการจำเพาะของเชื้อนี้ มักพบในเด็กเล็ก ซึ่งมีอาการตั้งแต่เล็กน้อย (เช่น ไข้ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ) จนถึงรุนแรง (เช่น หายใจเร็ว หอบเหนื่อย ซึมลง) การรักษาส่วนใหญ่เป็นการรักษาตามอาการ ไม่มียาสำหรับการรักษาโดยเฉพาะ และไม่มีวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส RSV แต่การปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส ได้แก่ ล้างมือบ่อยด้วยสบู่และน้ำสะอาด สวมหน้ากากอนามัย กรณีเด็กอายุ 5 ปีขึ้นไป ควรสวมหน้ากากอนามัยให้เด็กเมื่อต้องออกนอกบ้าน หลีกเลี่ยงการจูบและหอมเด็ก เพราะอาจเป็นการแพร่เชื้อโดยไม่รู้ตัว ไม่ควรพาเด็กไปเล่นในที่ที่มีเด็กเล่นอยู่ด้วยกันจำนวนมาก หมั่นทำความสะอาดของใช้ ของเล่นเด็ก และแยกของใช้ส่วนตัว รับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ ดื่มน้ำมากและพักผ่อนให้เพียงพอ
 

เอกสารอ้างอิง

          1. กลุ่มงานโรคติดต่อในเด็ก กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข. สถานการณ์โรคติดต่อในเด็ก 5 โรคที่สำคัญ ปี 2566. [อินเตอร์เน็ต]. 2567. [เข้าถึงเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2567]. เข้าถึงได้จาก https://ddc.moph.go.th/uploads/ files/4148720240312035207.pdf.
          2. กลุ่มงานโรคติดต่อในเด็ก กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. สถานการณ์โรคติดเชื้อทางเดินหายใจเชื้อไวรัส RSV ในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี. [อินเตอร์เน็ต]. 2567. [เข้าถึงเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2567]. เข้าถึงได้จาก http://www.khiansa.go.th/news/

 
บทความโดย
รศ.ดร.ภญ.วรนุช แสงเจริญ สาขาวิชาเภสัชกรรมคลินิก และ นศภ. สกลภัทร ผดุงญาณ
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
 
©2025 by DICRXPSU
This work is licensed under CC BY-NC 4.0
การนำบทความนี้ไปเผยแพร่ หรือการคัดลอกส่วนใดส่วนหนึ่งของบทความกรุณาอ้างอิงหรือขออนุญาตก่อนการเผยแพร่
 

เชื้อไวรัส Respiratory syncytial virus (RSV) ในผู้ใหญ่

          RSV หรือ Respiratory syncytial virus เป็นเชื้อไวรัสที่ก่อโรคในระบบทางเดินหายใจและพบได้ในทุกช่วงอายุ แต่ในผู้สูงอายุมักจะพบอาการที่รุนแรงและทำให้ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังอยู่เดิม 
          สำหรับประเทศไทยมักพบเชื้อไวรัส RSV ได้บ่อยในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับฤดูกาลระบาดของไข้หวัดใหญ่ ข้อมูลจากการเฝ้าระวังพบว่าเชื้อ RSV มักจะเป็นสาเหตุของการเกิดปอดอักเสบรุนแรงในเด็กและผู้สูงอายุ

วาร์ฟาริน (warfarin) กับผลไม้ที่ควรหลีกเลี่ยง

          วาร์ฟารินเป็นยาต้านการแข็งตัวของเลือดชนิดรับประทาน มีข้อบ่งใช้ในการรักษาและป้องกันโรคลิ่มเลือดอุดตันบริเวณต่าง ๆ ของร่างกายโดยมีกลไกการออกฤทธิ์คือไปยับยั้งการสังเคราะห์วิตามิน เค ซึ่งเป็นวิตามินที่มีส่วนช่วยในกระบวนการแข็งตัวของเลือด การใช้ยาวาร์ฟารินจึงช่วยให้เลือดแข็งตัวช้าลงและลดความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือดอุดตันได้

ยาสามัญประจำบ้าน

ยาสามัญประจำบ้านคืออะไร

          "ยาสามัญประจำบ้าน" คือตัวยาที่กระทรวงสาธารณะสุขได้พิจารณาเอาไว้ว่าเป็นยาที่ประชาชนควรซื้อมา ไว้ประจำบ้านของตนเองเพื่อใช้ดูแลตัวเองจากอาการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆที่สามารถเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน โดยยาสามัญประจำบ้านที่ถูกระบุไว้มีทั้งหมด 53 ชนิด นำมาใช้รักษาโรคสามัญได้ทั้งหมด 16 กลุ่ม

ยาสามัญประจำบ้านสังเกตอย่างไร

เก็บยาอย่างไรให้ยาคงคุณภาพและปลอดภัย

          การเก็บรักษายาเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการทำให้ยามีประสิทธิภาพในการรักษาที่ดี การเก็บรักษายาที่ไม่เหมาะสม จะทำให้ผู้ป่วยได้รับยาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาน้อยกว่าที่ควรจะเป็น และยาอาจเสื่อมสภาพ ส่งผลทำให้เกิดพิษจากผลิตภัณฑ์ยาได้ การเก็บรักษายาอย่างเหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อการเสื่อมสภาพของยามีหลายประการ เช่น อุณหภูมิ แสง ความชื้น รูปแบบของผลิตภัณฑ์ยาก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการกำหนดวิธีการเก็บรักษายาอย่างเหมาะสม ดังนี้

          ยาเม็ดและแคปซูล ควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง 25-30 องศาเซลเซียส พ้นจากแสง ความร้อน และความชื้น ซึ่งทั่วไปบรรจุภัณฑ์ของยามักออกแบบมาเพื่อป้องกันแสงและความชื้น ดังนั้นจึงควรเก็บยาในบรรจุภัณฑ์เดิม หากจำเป็นต้องใส่ในภาชนะอื่น ควรเลือกภาชนะที่มีฝาปิดสนิทและกันแสงได้ 

 
CONTACT US 074-288895
 
Send us a message pharmacy-dic@pharmacy.psu.ac.th
 
Visit us คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

หน่วยเภสัชสนเทศและบริการสังคม 

คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

พัฒนาเว็บไซต์โดย ปฏิพล ภาพันธุ์

ดูแลระบบโดย อ.ภก.นันทพงศ์ บุญฤทธิ์

แนะนำการพัฒนาเว็บไซต์ได้ที่ nuntapong.b@psu.ac.th

All right reserved
© 2025 Your Company. Designed By JoomShaper